วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

โปรแกรมภาษา Python

       
ประวัติความเป็นมาของ ภาษา Python ไพทอน
      Python คือชื่อภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่ง ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาโดยไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์ม กล่าวคือสามารถรันภาษา Python ได้ทั้งบนระบบ Unix, Linux , Windows NT, Windows 2000, Windows XP หรือแม้แต่ระบบ FreeBSD อีกอย่างหนึ่งภาษาตัว  มาพัฒนาโปรแกรมและความเป็น Open Source ทำให้มีคนเข้ามาช่วยกันพัฒนาให้ Python มีความสามารถสูงขึ้น และใช้งานได้ครบคุมกับทุกลักษณะงาน
       20 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1991 Python 0.9.0 ได้ออกมาสู่สายตาชาวโลกครั้งแรก โดยถูกเผยแพร่บน USENET

โค้ดของ Python ถูกสร้างขึ้นมาจากภาษาซี การประมวลผลจะทำในแบบอินเทอร์พรีเตอร์ คือจะประมวลผลไปทีละบรรทัดและปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ Python เวอร์ชันแรกคือ  เวอร์ชัน 0.9.0 ออกมาเมื่อปี 2533 และเวอร์ชันปัจจุบันคือ 3.5


ตัวอย่างของภาษาไพทอน

           

                          

                          

                          


                           



ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากโปรแกรม
  • สามารถทำให้การคำนวณนั้นถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
  • สามารถลดความเสี่ยงในการคำนวณผิดพลากในการคำนวณครั้งละมากๆ หรือหลักเยอะๆ
  • มีความสะดวกสบายในการทำงาน
  • หรืออาจจะทำให้ฝึกสมาธิในการทำงานต่างๆ   
  • แก้ปัญหาทางเทคโนโลยี


                                         

ขอขอบคุณ
https://mindphp.com/

Technology


12 เทคโนโลยีที่จะเป็นอนาคตยุค 4.0

“ดิจิทัล 4.0” และ “ดิจิทัลไทยแลนด์” เป็นวลีที่คนไทยเริ่มจะได้ยินบ่อยขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าหมายถึงอะไร เกี่ยวข้องกับพวกเรายังไง ส่งผลอะไรต่อชีวิตเราบ้าง และประเทศไทยในตอนนี้อยู่ในยุคใด คนไทยมีชีวิตผูกติดกับดิจิทัลมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้อินเทอร์เน็ต ซื้อขายออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ ทำธุรกรรมการเงินผ่านแอพพลิเคชั่น การสื่อสาร แต่เพียงเท่านี้ยังไม่พอที่จะพาสังคมไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล 4.0 ได้





Digital 1.0 เปิดโลกอินเตอร์เน็ต
digital4.0 timeline            ยุคนี้เป็นยุคเริ่มต้นของ “Internet” เป็นช่วงเวลาที่กิจกรรมและการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนจากออฟไลน์ (offline) มาเป็นออนไลน์(online) มากขึ้น เช่น การส่งจดหมายทางไปรษณีย์ก็เปลี่ยนมาเป็นการส่งอีเมล์ E-mail และอีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การถือกำเนิดของเว็บไซต์ Website ที่ทำให้เราเข้าถึงทุกอย่างได้ง่ายขึ้นและทั่วถึง การอัพเดตรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง 

Digital 2.0 ยุคโซเชียลมีเดีย
ต่อยอดจากยุค 1.0 ก็จะเป็นยุคที่ผู้บริโภคเริ่มสร้างเครือข่ายติดต่อสื่อสารกันในโลกออนไลน์ เครือข่ายสังคม Social Network นี้เริ่มจากการคุยหรือแชทกับเพื่อน สมาคม กลุ่มเล็กๆของผู้คนที่ต้องการความสะดวกสบายในการติดต่อสื่อสาร 

when technology has its own brainDigital 3.0 ยุคแห่งข้อมูลและบิ๊กดาต้า
ยุคแห่งการใช้ข้อมูลที่วิ่งเข้าออกเป็นล้านๆดาต้าให้เป็นประโยชน์ การเติบโตของโซเชียลมีเดียและ E-Commerce จากยุค 2.0 ทำให้เกิดการขยายของข้อมูลอย่างมหาศาล ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น สื่อโซเชี่ยล เว็บเบราวเซอร์ หรือแม้แต่ธุรกิจอย่างธนาคาร โลจิสติกส์ ประกันภัย รีเทล ต่างมีข้อมูลเข้าออกเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน และเริ่มมีการนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ดังคำกล่าวที่ว่า “ใครมีข้อมูลมาก ก็มีอำนาจมาก”

Digital 4.0 เมื่อเทคโนโลยีมีมันสมอง
และเราก็มาถึงยุคที่ความฉลาดของเทคโนโลยีจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆสื่อสารและทำงานกันเองได้อย่างอัตโนมัติ เทคโนโลยีในสามยุคแรกที่กล่าวไปเปรียบเสมือนเป็นแขน ขา ให้แก่มนุษย์ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หยิบจับ คำนวณ ประมวลผมให้มนุษย์ มีแขน ขา แต่ไม่มีสมองเป็นของตัวเอง ในยุค 4.0 เทคโนโลยีถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อลดบทบาทของมนุษย์ และเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ในการใช้ความคิดเพื่อข้ามขีดจำกัด สร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ๆ โดยจะใช้ชื่อยุคนี้ว่าเป็นยุค Machine-to-Machine 

digital4.0-today

เทคโนโลยีและโลกดิจิทัลมักไปไว และเคลื่อนที่ไม่มีหยุด องค์กรจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันตามเทรนด์ พัฒนานวัตกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจบนการแข่งขันที่รวดเร็วและรอบด้าน จาก SME ให้กลายเป็น Smart Enterprise ที่มีศักยภาพสูงขึ้น จากบริการธรรมดาให้กลายเป็น High Value Service เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของธุรกิจ



 1.advanced robotics   

12 เทคโนโลยีที่จะเป็นอนาคตยุค 4.0


2.automation of knowledge 

12 เทคโนโลยีที่จะเป็นอนาคตยุค 4.0


ทคโนโลยีที่ล้าสมัย

ของบางอย่างที่ใช้กันในชีวิตประจำวันนั้น บางอย่างก็อาจจะเกิดมานานหลายชั่วคนตั้งเเต่รุ่นพ่อของใครหลายๆ คนก็ว่าได้เเต่ก็ยังใช้กันอยู่ มาทำความรู้จักกับของเหล่านี้กันเลยดีกว่า

1.โทรศัพท์บ้าน
       
ในสำนักงานทั้งหลายรวมถึงบ้านเรือนทั่วไปเเน่นอนว่าโทรศัพท์เเบบนี้ก็ยังมีให้เห็นกันอยู่เเน่นอน

2.เเผ่นเสียง Vinly



    ยุคปัจจุบันที่ mp3 หาโหลดหาฟังกันได้ตามเน็ตเป็นเรื่องธรรมดาไปเเล้ว เเต่เเผ่นเสียงเหล่านี้ก็ยังมีขายอยู่ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งว่ากันว่ามันเป็นความรู้สึกอีกเเบบที่ไฟล์ mp3 ให้ไม่ได้กันนั่นเอง บ้านใครมีเครื่องของพ่อเเม่ก็ลองเอามาฟังกันดูนะครับอาจจะชอบกันก็ได้





ขอขอบคุณ
http://www.wice.co.th/2018/01/11/digital-4-0-technology/

ฝุ่น p.m 2.5

PM 2.5  คืออะไร?

          คำว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง
        
          พูดง่ายๆ คือ ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงจะเป็นเพียงฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว 
       

          ฝุ่นละออง PM 2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM 2.5 ยังเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูก


ฝุ่นละอองมาจากไหน?

                              
                                  à¸£à¸¹à¸›à¸ à¸²à¸žà¸—ี่เกี่ยวข้อง

            สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย เช่น โรงผลิต ไฟฟ้า ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่ด้วย ซึ่งปกติแล้วกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำทุกวันก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่แหล่งต้นตอสำคัญของ PM 2.5 ในบรรยากาศ

มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร?

ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเจ้าฝุ่นร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่น ขนาดเล็กจิ๋วมาก สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราลึกได้ถึงถุงลมปอด บางส่วนสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้

  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคจมูกอักเสบ
  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
  • สำหรับผลระยะยาวจะทำให้การทำงานของปอดโรคถุงลม

   ข้อแนะนำและวิธีป้องกันจากฝุ่นพิษ PM 2.5

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
1.ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว
2.หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ในที่โล่ง
3.ควบคุมกระบวนการก่อสร้าง
4.ออกกำลังกายในที่ร่มฝุ่นน้อยๆ
5.รับประทานอาหารที่มีวิตามินซี 
6.ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง

       สรุป  ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นมลพิษต่ออากาศและร่างกาย ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ คือ หน้ากาก N95 ส่วนหน้ากากประเภทอื่นนั้น ช่วยป้องกันได้เพียงส่วนหนึ่ง และควรใส่ให้ถูกวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน


ขอขอบคุณ
https://www.honestdocs.co/pm-2-5-environmental-nano-pollutants

โปรแกรมภาษา Python

        ประวัติความเป็นมาของ ภาษา Python ไพทอน        Python คือชื่อภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่ง ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาโดยไม่ยึดติดกับ...